Culture and Types of Nonverbal Communication
Culture and Types of Nonverbal Communication
Paralanguage (ปริภาษา)
|
หรือ Vocalics คือ เสียงที่เปลงออกมาเพื่อประกอบบทสนทนา ได้แก่ความค่อยและความดังของเสียง
จากผลการวิจัยยืนยันว่าการพูดเสียงดังและกระแทกเสียง แสดงถึงความก้าวร้าว การต่อต้าน การขัดแย้ง และการไม่มีสัมมาคารวะ โดยเฉพาะถ้าผู้น้อยพูดกับผู้ใหญ่ นอกจากนั้น ความค่อยความดัง และจังหวะ ตลอดจนลีลาในการพูดยังแสดงถึงระดับอารมณ์ของผู้พูดด้วย เช่น เมื่อโกรธอาจจะพูดเสียงดังหรือพูด ด้วยเสียงที่เบาหรือแสดงอาการนิ่งเฉยชั่วขณะ |
Kinesics (อาการภาษา)
|
หรือ Body language หมายถึง การเคลื่อนไหวของร่างกายหรือภาษาร่างกาย หมายถึง อวัจนภาษาที่อยู่
ในรูปของการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อสื่อสาร อันได้แก่ การเคลื่อนไหวศีรษะ แขน ขา และลำตัว เช่น การก้มศีรษะ การชี้นิ้ว การหมอบคลาน |
Proxemics (เทศภาษา)
|
ช่องว่างระหว่างบุคคล หรือ Personal Space หรือ Social distance หมายถึง ภาษาที่สื่อความหมาย
ปรากฏขึ้นจากลักษณะของสถานที่ที่บุคคลทำการสื่อสารกันอยู่ รวมทั้งช่องว่างระยะห่างที่บุคคล ทำการสื่อสารกันอยู่ ทั้งสถานที่และช่วงระยะจะแสดงให้เห็นความหมายบางประการที่อยู่ในจิต สำนึกของบุคคลผู้กำลังสื่อสารนั้นได้ เช่น การห้ามคนคุยกันเสียงดังหรือเล่นกันในห้องสมุด เพราะ เป็นการรบกวนผู้อื่น หรือการที่หญิงสาวไม่ต้อนรับเพื่อนชายในที่ลับตาคน
ได้แก่การรักษาระยะห่างจากจุดที่ตนเองยืนหรือนั่งคุยกับบุคคลอื่น เช่น ถ้าบุคคลรักกัน ชอบกันหรือ
สนิทสนมกันก็ชอบที่จะยืนหรือนั่งใกล้กันมากที่สุด ในทางตรงข้ามถ้าบุคคลไม่ชอบกัน ก็จะพยายาม หลีกหนีให้ไกล ความสัมพันธ์ที่มีความเป็นสวนตัวมากๆระยะห่าง 0-18 นิ้ว - ความสัมพันธ์กับ บุคคลต่าง ๆ ระยะห่าง 1.5-4 ฟุต - ความสัมพันธ์ทางสังคมที่มีลักษณะเป็นทางการ ระยะห่าง 4-12 ฟุต - ความสัมพันธ์กับสาธารณชน ระยะห่าง 12-25 |
Oculesics (เนตรภาษา)
|
หรือ Eye contact or movement หมายถึง อวัจนภาษาที่เกิดจากการแสดงออกทางดวงตาหรือสายตา
เพื่อสื่ออารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความประสงค์และทัศนคติบางประการในตัวผู้ส่งสาร ได้แก่ การมอง การสบตา การหลบสายตา หรือการจ้องมอง เพราะว่าดวงตาหรือสายตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของ หัวใจ เมื่อบุคคลมีความรู้สึกสนใจอะไรก็ตาม จะส่งผลกระทบไปที่สายตา โดยการมอง จ้องมอง สบตา หลบสายตา อาจจะทำตาเขียวหรือทำตาขวางก็ได้ โดยปกติถ้าบุคคลจะเป็นมิตรต่อกัน มักจ ะมองตากันหรือสบตากัน แต่ถ้าจะเป็นศัตรูกันหรืออาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น มักจะไม่มองตากัน หรือไม่ยอมสบตากัน |
Haptics (สัมผัสภาษา)
|
หรือ touch หมายถึง การใช้อาการสัมผัสเพื่อสื่อสารความรู้สึกและอารมณ์ตลอดจนความปรารถนา
ที่ฝังลึกอยู่ในใจของผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร เช่น การจับมือ การคล้องแขน การโอบกอด ซึ่งการสื่อ ความหมายด้วยสัมผัสภาษานี้จะเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของแต่ละสังคมด้วย เช่น คนไทยจะไม่สัมผัส ส่วนศีรษะของผู้อื่น เพราะถือว่าเป็นการแสดงความไม่เคารพต่อผู้นั้น |
Olfactics (กลิ่น)
|
หรือ smell หมายถึง การสื่อสารที่เกิดจากการใช้กลิ่น บ่อยครั้ง กลิ่นสามารถทำให้เรามีความจำใน
เรื่องใดเรื่องหนึ่งนานกว่าปกติ จากการศึกษาพบว่ามนุษย์สามารถจดจำความทรงจำผ่านกลิ่น ได้ดี กว่าความทรงจำที่ได้จากการพูดคุยทั่วไป เช่น กลิ่นน้ำหมอ ทำให้คิดถึงแฟนเก่า กลิ่นกาแฟ ทำให้ คิดถึงความสะดวกสบาย เป็นต้น |
Physical appearance and artifacts (ภาพลักษณ์)
|
หมายถึง การใช้รูปร่างลักษระภายนอก เช่น เสื้อผ้า การแต่งกาย การแต่งหน้า เพื่อสื่อสารความรู้สึก
และอารมณ์ บ่อยครั้งรูปลักษณ์ หรือภาพลักษณ์ภายนอกมีส่วนสำคัญต่อการสื่อสารของบุคคล เพราะหากภาพลักษณ์ภายนอกดี ก็อาจจะส่งผลให้การสื่อสารประสบความสำเร็จมากขึ้น |
Chonemics (กาลภาษา)
|
หรือ time หมายถึง การสื่อสารที่เกิดจากการใช้เวลาและช่วงเวลา เพื่อแสดงเจตนาของผู้ส่งสารที่
จะก่อให้เกิดความหมายเป็นพิเศษแก่ผู้รับสาร เช่น การเยี่ยมผู้ป่วยในเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ป่วย ได้พักผ่อน |
สหรัฐ ลักษณะสุต (Saharat Laksanasut)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น